Bankrut Beach / หาดบ้านกรูด



หาดบ้านกรูด คนที่ไม่มีรถก็มาเที่ยวได้ เพราะมีรถทัวร์กรุงเทพฯ-บางสะพาน แจ้งคนขับว่าขอลงที่แยกบ้านกรูด แต่ถ้าขับรถมาเองก็แวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด, ถ้ำพระยานคร และพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ พระที่นั่งที่เล็กที่สุดในโลกหนึ่งใน Unseen Thailand ด้วยก็ได้

ถึงบ้านกรูด ประจวบคีรีขันธ์ พวกเราก็ Check-in พักผ่อนให้หายเมื่อย โดยโรงแรมที่เราหมายตากันไว้ก็คือ  คีรีวารี รีสอร์ท (Keeree Waree Seaside Villa & Spa Hotel) เพราะจากการหาข้อมูลและดูจากรูปแล้วสวยงามสะดุดตากว่าที่อื่น ห้องพักที่เราเลือกเป็นแบบ Garden Villas 10 หลังนี้นี่เอง เพราะราคาย่อมเยาที่สุด (อิอิ) และบ้านแต่ละหลังก็อยู่ห่างกัน ทำให้ได้บรรยากาศความเป็นส่วนตัวถูกใจคนรักความสงบแน่นอน

และที่ชอบมากที่สุดนั่นก็คือส่วนของห้องน้ำ เพราะมีจุดอาบน้ำทั้งแบบ indoor และ outdoor showers กลางสวน ให้เราได้ยืนอาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติกันเลยทีเดียว

ระหว่างทางเดินไปบ้านแต่ละหลัง จะเห็นว่าค่อนข้างห่างกันนะคะ

ถ้ามาพักที่นี่ก็อย่าลืมที่จะสักการะหลวงปู่ม่วงที่ศาลหน้าคีรีวารี เพื่อความเป็นสิริมงคล
ส่วนกิจกรรมที่เราจะทำในวันนี้ก็คือ กินข้าว นั่นเอง Ha Ha Ha... ให้ท้องอิ่มก่อน กิจกรรมอย่างอื่นค่อยว่ากันนะ ด้านหน้าโรงแรมจะมีร้านอาหารให้เลือกอยู่หลายร้าน นั่งกินชิลๆ ริมทะเล สุขใจดีแท้~

และสำหรับสุดยอดนักปั่นทั้งหลาย ก็สามารถเช่าจักรยานไปปั่นเล่นได้ มีถนนเลียบหาดให้ปั่นกันแบบสบาย (แต่เหมือนโรงแรมจะเช่าจักรยานจากเอเย่นอีกที อันนี้ต้องสอบถามราคากันก่อนนะ) ใครที่ชอบนวดผ่อนคลาย ก็เชิญที่ Spa ได้เลย หรือจะลงเล่นน้ำทะเลก็ได้ไม่ว่ากัน เพราะหาดบ้านกรูดน้ำยังใสสะอาด ส่วนพวกเราขอเดินเล่นถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ แต่มีอุปสรรคคือที่หาดบ้านกรูดลมแรงมากกกกก.... จะโพสต์ท่าสวยไม่ได้เลย ผมเสียทรงตลอด (ฮึ่ยยย)

หลังจากถ่ายรูปกันหนำใจ เหล่าบรรดานายแบบนางแบบก็ท้องร้องหิวข้าวกันอีกแล้ว และร้านอาหารชื่อดังที่ต้องไปกินให้ได้ในวันนี้ก็คือ ร้านหนูโภชนา อาหารดูธรรมดา แต่อร่อยมาก ถูกใจที่สุด ส่วนที่ขัดใจก็คงเป็นเรื่องบริการช้า รออาหารนาน แต่อาหารเค้าก็อร่อยคุ้มค่าการรอคอย ใครที่ไปเที่ยวก็อย่าลืมแวะชิมฝีมือเค้าดูนะคะ ไปตอนเย็นเลือกที่นั่งริมหาด แล้วดูวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วย ฟินสุดๆ...

หลังมื้อเย็นจัดหนักไปแล้ว ก็ยังแอบแวะซื้อขนมใน 7-11 มาตุนไว้ในห้องพักอีกนะ พยายามโยนออกไปจากเฟรมให้ได้มากที่สุด แต่มันก็โผล่มาด้านซ้ายมือนั่นเอง... แหะๆ ....  ระหว่างทางเดินก็มีมุมให้นั่งเล่น ให้ถ่ายรูปกันไปตลอดทาง (กว่าจะได้เข้าบ้านพัก)

คืนนี้ตั้งใจว่าจะเปิดโลกออนไลน์แชทกันให้สะใจ แล้วยังต้องใช้ Internet เพื่อดูบอลคู่โปรดอีกด้วย แต่ทุกอย่างก็พังหมด เพราะถึงแม้ทางโรงแรมจะมี Wifi ให้ใช้ฟรี แต่สัญญาณไม่ได้เรื่อง ส่งมาไม่ถึงห้องที่พวกเราอยู่ (ช่างน่าเศร้า) แถมทีวีก็ยังดูได้ไม่ครบทุกช่องอีก มีที่พอดูได้แค่ 3 ช่องเท่านั้น นอกนั้นจอซ่าหมด (เฮ้อ..) ได้แต่ผิดหวังเล็กน้อย ที่อ่านจากเว็บมา มันไม่ใช่เลย แต่ไม่เป็นไร นอนก็ได้! เก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ Zzzzz
----------------------------------


ตื่นๆๆ!!! กินข้าวเช้ากันเร็ว (เรื่องกินนี่เรื่องใหญ่จริงๆ) วันนั้นจำได้ว่ามีฝนตกปรอยๆ ทำให้อากาศเย็นสบาย อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ มีให้เลือกเยอะพอสมควรแต่รสชาติไม่ค่อยถูกใจค่ะ งั้นรีบกินแล้วไปเดินเล่นสูดโอโซนแทนดีกว่า เช้าๆ ที่บ้านกรูดเป็นอะไรที่สงบที่สุด เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ฟังแล้วสบายใจดีนะ♥ ถ้าไม่ห่วงเรื่องกินคงได้ดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นแล้วนะเรา...

ระหว่างที่กะลังอินกับลมกับฟ้าอยู่นั้น เจ้าหมาแพนด้า น้องหมาน่ารักประจำรีสอร์ทก็เดินผ่านมาให้ได้แชะภาพพอดี (ตื่นเช้าเหมือนกันนะเนี่ย)

ส่วนด้านนี้มองไปจะเห็นวัดเขาธงชัย ซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธกิตติสิริชัย และกรมหลวงชุมพร อยู่ด้วยนะคะ ถ้ามีเวลาก็น่าขึ้นเขาไปนมัสการเหมือนกัน (ทะเลคลื่นซัดเป็นหมอกเลย)

หลังจากเดินชิลได้สักพัก ก็ได้เวลา Check-out บ๊าย บาย... บ้านกรูด ชายหาดแสนสงบ และถ้ามีเวลาเที่ยวทีนี่สัก 2 - 3 วัน ก็อาจติดต่อทางโรงแรมให้จัดโปรแกรมเที่ยวเกาะสิงห์, เกาะทะลุเพื่อดำน้ำชมปะการังกันได้นะ ระหว่างทางก่อนกลับกรุงเทพฯ อย่าลืมแวะเที่ยว เพลินวาน กันด้วยเน่อ

ทริปนี้เราได้เห็นแล้วว่าหาดบ้านกรูดนั้น ยังเป็นชายหาดที่สวยงาม สะอาด และเงียบสงบมาก อาจเป็นเพราะระยะทางค่อนข้างไกล หรือยังไม่ค่อยเป็นรู้จักมากนัก แต่ที่เที่ยวเล็กๆ และเงียบสงบในอำเภอบางสะพานนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวประทับใจ ให้เราได้สูดอากาศดีๆ และมีอาหารอร่อยอยู่เต็มไปหมด ไม่ต้องแย่งกินแย่งเที่ยวกับใคร มาที่นี่สบายๆ ค่ะ หากมีโอกาสอย่าลืมใส่ทะเลบ้านกรูดไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกท่องเที่ยวของคุณนะคะ ♪♫.. ♪♫...


0 comments: