ตลาดน้ำอัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามแห่งนี้อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 60 กิโลเมตรเท่านั้น การเดินทางก็ไม่ยาก คนที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถนั่งรถตู้สาย กรุงเทพ-อัมพวา-ดำเนินสะดวก มาได้เลย ใกล้ๆ กับตลาดน้ำจะเป็นอุทยาน ร.2
หรืออุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีองค์ประธาน คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า ทรงเป็นทั้งนักรบ นักปกครอง ศิลปิน กวี และราชสถาปนิก ที่ได้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงาม ปราณีต ไว้เป็นมงคลแก่ชาติ เป็นที่เชิดหน้าชูตาชาวไทย และนานาประเทศ จนได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมในรัชกาลของพระองค์ และเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในท้องที่จังหวัดใกล้เคียง โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้
ค่าเข้าชมคนละ 20 บาทค่ะ
เดี๋ยวเราเริ่มเดินเที่ยวจากตลาดน้ำก่อนนะ ที่ตลาดน้ำอัมพวา มีร้านดังๆ อยู่หลายร้าน หากมาเที่ยวไม่ควรพลาดร้านดังต่อไปนี้ เช่น ย่าย้ากาแฟคลาสสิค, กาญจนพานิชย์, ร้านข้าวแกงหม้อดินคุณแจ๊ด, ร้านกำปั่น, บ้านขนมคุณยาย หรือจะลองชิมไอติมผลไม้ที่ น.ส.อัมพวา ก็ได้นะ ส่วนแถวชานชาลา ร้านอาหารริมคลองต่างๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน แต่ต้องใช้ความสามารถในการนั่งกินนิดหน่อย ในวันที่อัมพวาผู้คนหนาแน่น เดินเบียดกันแทบจะตกคลองเลยทีเดียว - -"
ร้าน ภวัตไก่ย่าง อัมพวา ร้านส้มตำริมคลองเจ้าเก่า รสชาติอาหารเข้มข้นแซ่บโดนใจนักชิมแน่นอน เค้าบอกว่าเป็นส้มตำไก่ย่างเจ้าแรกในตลาดน้ำอัมพวาเลยนะคะ นอกจากส้มตำ ไก่ย่างจานเด็ดแล้ว ยังมีพวกเมนูซีฟู้ด อย่างหอยเชลล์เนยกระเทียมให้ลองชิมกันด้วย
ส่วนพิพิธภัณฑ์ขนมไทย และบ้านครูเอื้อ ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ทั้ง 2 ที่เข้าชมได้ฟรี แล้วอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปมุมสวนสวยๆ ที่มูลนิธิอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ด้วยนะ
ที่ตลาดน้ำอัมพวาก็มีร้านค้าไอเดียเจ๋งๆ ให้เลือกซื้อเป็นของฝากกันมากมายหลายร้าน
เดินตลาดจนหนำใจ ก็ได้เวลาเข้าที่พักของพวกเราแล้ว ทริปนี้เลือกพักที่โรงแรมอัมพวาน่านอน (Amphawa Nanon Hotel & Spa) อยู่ห่างจากตลาดน้ำอัมพวายามเย็นแค่ 50 เมตรเท่านั้น โรงแรมสไตล์ Modern Tropical ที่บรรยากาศดี เงียบสงบ น่านอนสมชื่อจริงๆ ตั้งใจว่าคราวหน้าถ้ามีโอกาสไปเที่ยวอัมพวาอีก คงเลือกพักที่นี่อีกแน่นอน ดูภาพโรงแรมอัมพวาน่านอนเพิ่มคลิก
ส่วนตอนเย็นกิจกรรมที่พลาดไม่ได้สำหรับคนที่มาเที่ยวอัมพวา นั่นก็คือการล่องเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ใต้ต้นลำพูและป่าโกงกางนั่นเอง สำหรับการซื้อตั๋วขึ้นเรือนั้น สามารถสอบถามได้ที่สะพานคนเดินข้ามคลองอัมพวา (มีหลายเจ้าให้เลือก ราคาก็ใกล้เคียงกัน) โดยแต่ละรอบจะใช้เวลาในล่องเรือประมาณ 1 ชั่วโมง ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีร่มชูชีพ โดยเรือเที่ยวแรกจะเริ่มประมาณ 18.30 น. ไปจนถึงเวลา 20.00 น. และหิ่งห้อยจะเห็นได้มากในช่วงเวลา 19.00 น. **แนะนำให้ไปรอบ 18.30 น. นะคะ และสำคัญมาก การถ่ายรูป ห้ามใช้แฟลชเด็ดขาด เพราะจะทำให้หิ่งห้อยตกใจ ไม่เปล่งแสงต่อ (ไม่รู้จริงหรือเปล่า แต่อย่าถ่ายดีที่สุด เพราะถ่ายไปก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี -,,-)
โชคดีที่ได้เห็นหิ่งห้อยตัวเป็นๆ บินเข้ามาใกล้เรือให้ดูกันแบบใกล้ชิด แถมได้เห็นมากกว่าที่คิดไว้ซะอีก ได้ล่องเรือแบบนี้โรแมนติกสุด บอกได้คำเดียวว่าฟินนน... ใครยังไม่เคยเห็นต้องรีบไปดูนะ ก่อนที่หิ่งห้อยจะหมดไปซะก่อน จากนั้นก็มาเดินตลาดยามเย็นกันต่อ ทานข้าวแล้วไปนอน เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้!!
-----------------------------
วันนี้พวกเราตื่นแต่เช้าเพื่อไปใส่บาตรพระพายเรือยามเช้า อีกหนึ่งกิจกรรมของอัมพวาที่ไม่ควรพลาด! เสร็จแล้วก็กลับมาทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมอัมพวาน่านอน เป็นแบบบุฟเฟต์มีอาหารให้เลือกหลากหลาย แถมยังอร่อยด้วย^^ จากนั้นก็เริ่มโปรแกรมทัวร์ล่องเรือไหว้พระ 5 วัดกันเล้ยยยยย.... (มีแบบ 9 วัดด้วยนะ ลองสอบถามเรือรับจ้างริมน้ำได้ค่ะ)
อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนมาก ผ่านไป 2 - 3 วัดยังไหวอยู่ ^^y
หลังจากไหว้พระครบแล้วเรือก็จะกลับมาเทียบท่าส่งผู้โดยสารที่ตลาดน้ำเหมือนเดิม โดยแต่ละวัดจะให้เวลาประมาณ 15-20 นาทีเพื่อเข้าไปไหว้พระแล้วออกมาขึ้นเรือที่จุดเดิม
**หมายเหตุ: เรือบางเจ้าอาจพาไปวัดที่แตกต่างกัน เนื่องจากที่อัมพวามีวัดเยอะมาก อันนี้ต้องลองสอบถามอีกทีนะ
เรียกว่ามาเที่ยวอัมพวารอบนี้ได้ครบทุกรายละเอียดจริงๆ ประทับใจบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก อาหารอร่อยที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมถึงบริการที่น่าประทับใจของพี่ๆ อัมพวาน่านอนทุกคน ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้คำแนะนำเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว แถมยังเดินไปส่งพวกเราที่ตลาดน้ำด้วย ขอบคุณนะคะ♥
เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาด ออกไปสูดอากาศยามเช้าแบบสดชื่นที่นี่ได้ ขอให้อัมพวายังคงเป็นแบบนี้ต่อไป กับวิถีชีวิตริมคลองอัมพวา ♪♫.. ♪♫...
0 comments:
Post a Comment