จันทบุรี / Chanthaburi

ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ เราขอชวนทุกคนไปเที่ยวจังหวัดจันทบุรีกันค่ะ ไปดูว่าเมืองจันท์แห่งนี้มีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่บ้างน๊า~ จันทบุรีเป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวยต่อการปลูกผลไม้หลายชนิด โดยเฉพาะทุเรียน เงาะ มังคุด และพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ เช่น พริกไทย ยางพารา เป็นศูนย์กลางธุรกิจด้านอัญมณี และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ป่าไม้ น้ำตกและทะเล จึงมีผลไม้และอาหารทะเลสดๆ ให้เราได้กินกันอย่างจุใจ!

วันแรก
สำหรับโปรแกรมของเราทริปนี้จะเริ่มกันที่ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ถนนชล-จันท์ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่มีทิวทัศน์สวยที่สุดเส้นหนึ่งของไทย และของภาคตะวันออกเลยนะคะ ก็เลยได้ฉายา “Scenic Route” เพราะทิวทัศน์ข้างทางที่งดงาม บรรยากาศดี อากาศก็สดชื่นๆ ทริปนี้พวกเราตื่นเช้ามาก ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเลยนะ

ระหว่างทางได้พบเจออะไรที่หลากหลาย สิ่งสำคัญอาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นเรื่องราวที่ได้พบเจอระหว่างการเดินทางที่ทำให้พวกเราสนุก และตื่นเต้น ได้ผจญภัย ได้เห็นอะไรดีๆ เยอะเลยค่ะ อย่างที่หลายคนบอกนะ "ยิ่งเดินทาง โลกก็ยิ่งกว้าง"

จุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายภาพเก็บบรรยากาศมากที่สุดก็คือบริเวณ จุดชมวิวเนินนางพญา  แห่งนี้นี่เอง.... คลิกอ่านรีวิวเพิ่มได้เลยค่าาา



ด้วยสภาพเส้นทางที่งดงาม และแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายที่เดินทางเชื่อมโยงถึงกันได้ ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต หรือถนนชล-จันท์ จึงได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวในฝัน “Dream Destination” กาลครั้งหนึ่ง...ต้องไป 2557 เพื่อสัมผัสความงามของแหล่งท่องเที่ยวในภาคตะวันออกที่ไม่ควรพลาดชมเลยนะคะ

อีกหนึ่งจุดชมวิวที่อยากแนะนำก็คือ สะพานตากสินมหาราช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันคุ้นปากว่า สะพานแหลมสิงห์ เป็นสะพานข้ามปากน้ำจันทบุรีที่อำเภอแหลมสิงห์ ระหว่างตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ และตำบลบางกะไชย ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในภาคตะวันออก 1,060 เมตร สามารถเห็นวิวที่สวยงาม รวมไปถึงวิถีชีวิตการทำประมงของชาวบ้าน อย่างเช่นการเลี้ยงปลาในกระชัง และถ้าไปเที่ยวในช่วงกลางปี จะมีโอกาสเห็นแม่น้ำสองสีที่ไหลลงปากอ่าวได้อีกด้วย


จากนั้นก็ขับรถต่อเนื่องไปเลยนะคะ สำหรับจุดท่องเที่ยวต่อไปก็คือคุกกี้ได่ เย้ย!! คุกขี้ไก่ นั่นเองค่ะ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวจันทบุรี ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับตึกแดง เมื่อปีพ.ศ. 2436 มีความกว้างยาวประมาณ 4x4 เมตร สูง 7 เมตร มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว ว่ากันว่าสถานที่นี้ใช้สำหรับขังนักโทษชาวไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส ด้านบนใช้เลี้ยงไก่เพื่อถ่ายลงใส่หัวของนักโทษด้านล่าง เราลองเข้าไปนั่งดูแล้วก็ยังกลัวอยู่เลยค่ะ รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แห่ะๆ... 

คุกขี้ไก่

อย่างที่บอกว่าคุกขี้ไก่อยู่ใกล้กับตึกแดง ขับรถมานิดหน่อยก็เจอแล้ว ตึกแดง เป็นอาคารชั้นเดียวกว้าง 7 เมตร ยาว 32 เมตร ประตูห้องภายในเปิดถึงกันหมด มีระเบียงโดยรอบ หลังคามุงกระเบื้อง ทาสีแดงทั้งตึก สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของนายทหารและกองอำนวยการทหารฝรั่งเศสที่เข้ายึดจันทบุรีเมื่อพ.ศ. 2436

ตึกแดง

ตึกแดงเป็นอาคารที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2436 หรือ ร.ศ. 112 ในบริเวณป้อมพิฆาตข้าศึก โดยรื้ออิฐจากป้อมมาสร้าง เพื่อใช้ตึกนี้เป็นกองรักษาการณ์ และที่พักของทหารที่รักษาปากน้ำแหลมสิงห์ ได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยใช้เป็นอาคารห้องสมุดและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของ อ.แหลมสิงห์ แต่ต่อมาก็เลิกใช้ และได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเข้าชมค่ะ

ข้าวผัดปู
จากนั้นก็ได้เวลาที่รอคอย เพราะว่าถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว เย้ เย่!! มื้อนี้ตัดสินใจยากหน่อย เพราะมีร้านอาหารดีๆ อยู่ติดกันหลายร้านเลย สุดท้ายใช้วิธีจิ้มเลือกค่ะ ลงเอยกันที่ร้านแม่สมจิตร ซึ่งก็ไม่ผิดหวังนะ อาหารอร่อยมาก มีเมนูให้เลือกหลากหลายดีค่ะ


ทานข้าวกันอ่มเรียบร้อย ก็ได้เวลา Check-in เข้าที่พักแล้วค่ะ ทริปนี้พวกเราเลือกที่ ณิสาญ์สิริ บูติค รีสอร์ท คลิกอ่านรีวิวเพิ่มได้เล้ย..  อยู่ใกล้ทะเลแค่ถนนกั้น



หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาเดินเล่น ถ่ายรูปบรรยากาศสวยๆ ที่สวนร่มเกล้า เราเดินสำรวจบริเวณรอบๆ จนทั่ว แถวนี้ทำเลค่อนข้างดีนะคะ มีร้านอาหาร, ตลาดเช้า ตลาดเย็น และ 7-11 อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินเลย หากินง่ายมาก

/////////////////
วันที่สอง
หลักจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป นั่นก็คือ อาสนวิหารพระแม่มารีอาปฏิสนธินิรมล (โบสถ์คริสต์เมืองจันทร์) ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ภายนอกโบสถ์ทาด้วยสีเทา ตัดด้วยเสาและซุ้มโค้งสีส้มอิฐ ดูสวยงามอลังการ รูปทรงด้านนอกดูคล้ายกับมหาวิหารน็อทร์-ดาม ปารีสเลยนะคะ ด้านหน้ามีโดมสูงแบบโกธิค ส่วนภายในได้รับการตกแต่งวิจิตรงดงาม ตามช่องหน้าต่างตกแต่งด้วยกระจกสี หรือที่เรียกว่าสเตนกลาสจากฝรั่งเศส เป็นรูปนักบุญต่างๆ มีรูปปั้นพระแม่มารีที่มีชื่อว่า “แม่พระประดับพลอย” ซึ่งสร้างจากทองคำแท้ เงินแท้ และประดับด้วยเม็ดพลอยแท้ กว่า 200,000 เม็ด เรียกได้ว่าอลังการงานสร้างสุดๆ

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 8.30 - 16.30 น. ถ้ามาเที่ยววันอาทิตย์อาจจะได้เห็นพิธีกรรมของชาวคริสต์ ศีลมหาสนิท หรือ มิสซาด้วยค่ะ และขอความร่วมมือแต่งกายสุภาพและสำรวมเวลาเข้าเยี่ยมชมเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะคะ



หน้าโบสถ์คริสต์มีตลาด 100 ปีด้วยน๊า.. เน้นขายของกินค่ะ แต่ถ้าจะเดินต้องมาเช้าหน่อยนะคะ เพราะถ้าสายตลาดวายก่อนเน่อ...
ตลาด 100 ปี

ส่วนอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ชุมชนริมน้ำจันทบูร เป็นชุมชนริมน้ำที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญของจันทบุรี ตลอดเส้นทางการเดินเที่ยวนั้นสามารถมองเห็นบ้านเรือน ที่ผสมผสานศิลปะหลากหลายทั้งจีน ฝรั่งเศส และไทย เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สวยงาม ล้วนแล้วแต่มีความเก่าแก่คลาสสิคแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีร้านขายขนมโบราณ เช่น ขนมโก๋ ข้าวตัง และที่อยากแนะนำคือไอศกรีมตราจรวดที่ผลิตด้วยเครื่องจักรเจ้าแรกในจันทบุรี มีให้เลือกหลายรสชาติเลยค่ะ อร่อย หอมชื่นใจ ห้ามพลาดเด็ดขาด







ก่อนกลับเข้ากรุง พวกเราขอแวะไปที่ศาลหลักเมือง สถานที่ศักดิ์คู่เมืองจันทบุรีกันก่อนนะคะ ตั้งอยู่บนถนนท่าหลวง บริเวณหน้าค่ายตากสิน ไปไหว้สักการะเจ้าพ่อหลักเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ โดยวิธีไหว้ มีดังนี้

     ไหว้ขอพร   ธูป 3 ดอก / เทียน 1 เล่ม / ทอง 1 แผ่น / ดอกไม้
     ไหว้บนฯ     ธูป 5 ดอก / เทียน 2 เล่ม / ทอง 1 แผ่น / ดอกไม้
     ไหว้แก้บนฯ ธูป 9 ดอก / เทียน 2 เล่ม / ทอง 1 แผ่น / ดอกไม้
ศาลหลักเมืองจันทบุรี

และอย่าลืมข้ามไปไว้สักการะ ศาลสมเด็จพระเจ้าตกสินมหาราช ที่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะคะ โดยศาลแห่งนี้ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่พระองค์ทรงกอบกู้เอกราชให้แก่แผ่นดินไทย ตอนเด็กๆ ทุกคนคงจะได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยเกี่ยวกับเรื่องราวสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งทรงเป็นผู้กอบกู้อิสรภาพคืนจากพม่าที่ตีกรุงศรีอยุธยาแตก เล่าให้ฟังสั้นๆ ว่า พระเจ้าตากสินฯ ทรงพาไพร่พลตีฝ่าวงล้อมข้าศึก มุ่งหน้ามาถึงเมืองจันทบุรีซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่ชายทะเลตะวันออกเพื่อตั้งค่าย

ที่เมืองนี้เอง พระองค์ทรงใช้จิตวิทยาในด้านการรบ โดยทรงสั่งให้ทหารทุบหม้อข้าวหม้อแกง หมายไปกินอาหารมื้อเช้าในเขตของศัตรู ถ้าตีเมืองไม่ได้ก็ต้องอดตาย ทำให้ทหารเกิดความฮึกเหิม และสามารถตียึดเมืองจันทบุรีเพื่อเป็นฐานกำลังได้ในที่สุด




จังหวัดจันทบุรีมีดีที่ “ของฝาก” พวกเราได้เลือกซื้อผักผลไม้กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์ต่างๆ ที่ส่งตรงจากสวน รวมทั้งมังคุด และเงาะที่มีเนื้อแน่น รสชาติเข้มข้นหวานฉ่ำ นอกจากผลไม้สดแล้วก็ยัง มีพวกผลไม้แปรรูปให้ได้เลือกซื้อในราคาที่เป็นกันเองอีกด้วย ตามคำขวัญประจำจังหวัดจันทบุรีที่ว่า “น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติ ที่จันทบุรี”


เต็มอิ่มค่ะทริปนี้ ทั้งเรื่องช้อบ กิน เที่ยว คุ้มค่าที่ขับรถจากกรุงเทพฯ 3 ชั่วโมงจริงๆ ลองออกไปเที่ยว ไปสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายที่จันทบุรี นับเป็นอีกหนึ่งจังหวัดของประเทศไทยที่มีความหลากหลายของวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยว เห็นแบบนี้แล้วอย่าลืมแวะไปเยี่ยมเยียนจันทบุรีกันบ้างนะคะ ♪♫.. ♪♫... 



0 comments: