ขบวนรถนำเที่ยวออกจากสถานีกรุงเทพฯ ตามกำหนดการคือ 06.40 น. ออกจริงก็มีช้านิดหน่อยตามสไตล์ค่ะ ขบวนรถจอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีสามเสน / บางซื่อ / บางเขน / หลักสี่ / ดอนเมือง / รังสิต / อยุธยา และสระบุรี
ประมาณ 09.30 น. ก็เดินทางถึงอำเภอแก่งคอย จอดให้เข้าชมทุ่งทานตะวัน
*ค่าเข้าชมไร่ทานตะวันคนละ 10 บาท เตรียมให้พอดีนะ หยอดกล่องไม่มีทอนจ้ะ
ทานตะวัน เป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดลพบุรีและสระบุรี ที่เกษตรกรปลูกเป็นพืชหมุนเวียน กำลังออกดอกบานสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน แม้ว่าแดดจะแรงมาก แต่ลมก็พัดเย็นมากเช่นกัน
Be like the flower, turn your faces to the sun. |
ขบวนรถไฟไปจอดที่ป้ายหยุดรถเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อพักผ่อนรับประทานอาหารกลางวัน แต่คนเยอะมากการซื้ออาหารอาจยากลำบากหน่อย พวกเราเลือกเมนูไก่ย่าง ส้มตำ อาหารไม่อร่อยเลย รสชาติหลุดโลกเลยทีเดียว แต่ก็กินนะ - -" เพราะหิวมาก ถ้าไปเที่ยวก็ลองสุ่มดูค่ะ มีหลายร้าน บางร้านอาจจะอร่อยก็ได้นะเออ...
มีรถรางบริการพาชมเขื่อนป่าสักโดยรอบ จากฝั่งอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ไปตามสันเขื่อน ถึงฝั่งอำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 16.30 น. พร้อมมัคคุเทศก์บรรยายประวัติของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และแนะนำแหล่งท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียงให้กับนักท่องเที่ยว นมัสการพระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิ์มงคลชัย หรือหลวงปู่ใหญ่ป่าสัก รถรางออกทุกๆ 15 นาที ให้บริการทุกวัน ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 25 บาท ใช้เวลาทัวร์ประมาณ 50 นาที ไป-กลับ (นักท่องเที่ยวที่มากับรถไฟต้องบริหารจัดการเวลาเอง) **สำหรับผู้ที่ต้องการจะขึ้นรถราง ควรเดินตรงไปขึ้นรถรางก่อน แล้วค่อยกลับมาทานอาหารกลางวันนะคะ ไม่งั้นไม่ทัน
อีกที่นึงคือจุดชมวิวหอคอยเฉลิมพระเกียรติ เป็นหอคอยสำหรับชมทิวทัศน์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ความสูง 40 เมตร ตั้งอยู่ที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ราคาผู้ใหญ่ 20 บาท, เด็ก 10 บาท ส่วนตัวคิดว่าแพงค่ะ ขึ้นไปก็ถ่ายรูปไม่สวย เพราะกระจกไม่ใส มีเงาสะท้อนตลอดเวลา คนเยอะ หามุมยาก เรียกว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ได้ ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ ตัดสินใจกันเอง
ภาพวิวจากบนหอคอยเฉลิมพระเกียรติ |
กำลังจะเดินเข้าไปถ่าย เห็น 5 บาท เบรกเอี๊ยดดดดด......... |
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ที่บ้านแก่งเสือเต้น เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับเขื่อนแห่งนี้ สร้างภายใต้โครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำป่าสัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นเขื่อนแกนดินเหนียวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 4,860 เมตร ความสูงที่จุดสูงสุด 36.50 เมตร
เที่ยวครบทุกจุดแล้วก็ออกมานั่งรอรถไฟได้เลยค่ะ เวลา 14.20 น. ขบวนรถไฟพิเศษนำเที่ยวจะพาเราเดินทางกลับและถึงกรุงเทพฯ ประมาณ 17.45 น. ถึงจุดนี้หน้าดำกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ...
เตรียมตัวเที่ยวทุ่งทานตะวันให้สนุก
ควรไปตอนเช้า เพราะเป็นช่วงที่สวยที่สุด
ระหว่างถ่ายรูปละอองเกสรจากดอกทานตะวันอาจเลอะติดเสื้อผ้าบ้าง
ขณะเดินทางไม่มีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย เตรียมให้พร้อม (ของว่างระหว่างเดินทาง)
และสำคัญมาก คือเกรงใจนักท่องเที่ยวท่านอื่นด้วย ไปเป็นกลุ่มอย่าเสียงดังนะคะ
อุปกรณ์อื่นๆ ที่ควรนำติดตัวไปด้วย
ร่ม / หมวก / แว่นกันแดด / เสื้อคลุม - เพราะตอนกลางวันแดดร้อนมาก บางช่วงมีลมแรง
ทิชชู่ / ผ้าขนหนู / อย่าลืมผ้าปิดจมูก - เนื่องจากเป็นรถไฟชั้นสาม ฝุ่นเยอะมาก!!! เสียดายที่เดี๋ยวนี้ไม่มีโบกี้แอร์แล้ว ฝุ่นเยอะแดดร้อน ยังไงก็เตรียมมาให้พร้อม ดูแลตัวเองนะคะ สอบถามข้อมูลการรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่มเติมโทร 1690
เดินทางด้วยรถไฟอาจจะช้าหน่อย แต่ได้ใกล้ชิดธรรมชาตินะ พวกเราไม่ค่อยได้นั่งรถไฟบ่อยนัก ทริปนี้ก็เลยเหนื่อยสุดๆ เจอฝุ่นกันเต็มที่ แต่ก็ยังถือว่าโอเคค่ะ เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ^^y
นอกจากการเที่ยวชมทุ่งทานตะวันแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปนมัสการพระพุทธบาท พระพุทธฉาย เที่ยวชมถ้ำ น้ำตก หรือเยี่ยมชมไร่องุ่นได้อีกนะคะ เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจไม่น้อย เตรียมกล้องให้พร้อมแล้วออกไปเที่ยวกันดีกว่า ♪♫.. ♪♫...
0 comments:
Post a Comment