จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า อยุธยา อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 76 กม. เป็นเมืองหลวงเก่าของไทย เหมือนเพลงที่ร้องกันจนติดปากคนไทยว่า "อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน จิตใจอาวรณ์มาเล่าสู่กันฟัง~ " N2Trip จะพาเที่ยวเมืองเก่าที่อยู่ไม่ไกลเมืองบางกอก ไปดูว่ากว่า 400 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันนี้อยุธยาของเราเป็นอย่างไร
เริ่มจากการเดินทาง ถ้าไม่นับขับรถเที่ยวเอง อยุธยานั้นเดินทางมาเที่ยวง่ายมาก เพราะมีทั้งรถโดยสาร, รถตู้, รถไฟ และเรือ สำหรับทริปนี้เราขอเริ่มกันที่ วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททองสร้างอุทิศถวายแด่พระราชมารดา เป็นพระอารามหลวงเก่าในสมัยอยุธยาตอนกลาง มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง เมื่อปี พ.ศ. 2173 เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมวัดและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ภายในระยะเวลา 30 วัน ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์ และพระราชวังหลวง วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดมเหยงค์ และวัดไชยวัฒนาราม พวกเราก็ซื้อบัตรรวมเหมือนกัน เพราะราคาถูกกว่าซื้อแยกทีละวัดค่ะ เวลาใช้ก็ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ขายตั๋วประทับตราให้ แค่นี้ก็สามารถเดินผ่านประตูเที่ยวตามวัดที่กำหนดได้แล้ว
วัดพุทไธศวรรย์ |
ตามความเชื่อในสมัยกรุงศรีอยุธยา หากใครเจ็บป่วยไข้ เมื่อผ่านมาที่วัดแห่งนี้จะขึ้นไปสักการะหลวงพ่อดำเพื่อขอให้หายเจ็บป่วย ซึ่งปรากฏปาฏิหาริย์หายเจ็บป่วยไปตามๆ กัน รวมทั้งขอพรหลวงพ่อดำให้ดลบันดาลสิ่งที่ตนเองปรารถนาอีกด้วย
ระหว่างทางเดินไปที่พระอุโบสถก็เจอน้องคนสวยใส่ชุดไทยนั่งสีซออยู่ด้วย น้องเค้าเป็นคนดังของวัดเลยนะคะ หากมาเที่ยวก็ยืนฟังเพลงเพราะๆ กันสักหน่อย หรือจะช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาก็แล้วแต่เลยค่ะ วัดพุทไธศวรรย์เป็นอีกหนึ่งวัดที่ไม่ได้ถูกพม่าเผาทำลายเหมือนวัดอื่นๆ (เช่นเดียวกับวัดหน้าพระเมรุ) ทำให้โบราณสถานในวัดยังคงสวยงาม และอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนเดิม
ในส่วนของพระอุโบสถ ซึ่งเดิมคือพระตำหนักเวียงเหล็ก เป็นพระอุโบสถที่ได้บูรณะใหม่แล้ว ประดิษฐานพระพุทธรูป ศิลปะอยุธยาทั้งสามองค์ สวยงามมากๆ ค่ะ
ระเบียงล้อมรอบภายในประดิษฐานพระปูนปั้นนับร้อยองค์ ด้านข้างพระปรางค์มีมณฑปข้าง เป็นที่ประดิษฐานพระประธานปูนปั้นปางมาวิชัย
สถานที่สำคัญภายในวัดที่น่าสนใจได้แก่ พระธาตุ หรือพระปรางค์ใหญ่ ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น ผสมผสานศิลปะแบบขอม มีระเบียงล้อมรอบ เป็นพระปูนปั้นตามภาพด้านบน
ด้านหลังก็มีพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ เป็นศิลปะในยุคอยุธยาตอนต้น
พระราชานุสาวรีย์ 5 พระมหากษัตริย์ไทย ผู้ทรงมีความสำคัญแก่บ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง ได้แก่ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทางวัดได้จัดสร้างไว้เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้มาสักการะ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแต่ละพระองค์
จากนั้นเราก็ขับรถย้อนกลับมาที่ วัดท่าการ้อง อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดโบราณมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง โดยการรวมวัด 2 วัดเข้าด้วยกัน คือ วัดท่า และ วัดการ้อง ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าวัดนี้ถูกสร้างขึ้นก่อนพ.ศ. 2092 อีกนะคะ
วัดท่าการ้องเป็นวัดที่มีสีสันมาก เพราะมีรูปปั้น และข้อความต่างๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวสามารถบริจาค หรือทำบุญได้แทบทุกส่วนของวัด
ส่วนมื้อเที่ยงเราก็ฝากท้องไว้ที่ ตลาดน้ำกรุงเก่าวัดท่าการ้อง เป็นตลาดน้ำในบรรยากาศย้อนยุค มีอาหารให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อได้จากเรือ รวมถึงขนมไทย และขนมโบราณต่างๆ ด้วยค่ะ รสชาติอาหารก็ธรรมดานะ ไม่ได้พิเศษอะไร คนเยอะด้วย หาที่นั่งยาก กินเสร็จก็ไปให้อาหารปลาดีกว่า เพลินๆ
อีกหนึ่งความประทับใจคือห้องน้ำที่วัดท่าการ้องสะอาดมากๆ เพราะทางวัดจะให้นักท่องเที่ยวทุกคนถอดรองเท้า และระบบน้ำ ระบบระบายอากาศก็ทำไว้อย่างดี ไม่ต้องกลัวเท้าเลอะ นักท่องเที่ยวก็แค่ช่วยกันรักษาความสะอาดก็พอนะ
วัดกษัตราธิราชวรวิหาร |
ใกล้ๆ กันก็มีอีกหนึ่งวัดที่น่าสนใจและสวยงามไม่แพ้กัน นั่นก็คือ วัดกษัตราธิราชวรวิหาร หรือชื่อเดิมคือ วัดกษัตราราม หรือ วัดกุสิตราราม เป็นพระอารามหลวงเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดมีพระวิหาร 4 หลัง คือ พระวิหารใหญ่ 2 หลัง ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ และพระวิหารเล็ก 2 หลัง
ภายในพระอุโบสถ จะมีพระพุทธกษัตราธิราช พระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ค่ะ
ขากลับจากวัด วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ก็เจอน้องหมากำลังทำหน้าที่เฝ้าประตู คอยส่งนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย นั่งนิ่งมาก ไม่วอกแวกขณะปฏิบัติงานซะด้วย นายเยี่ยมมาก!!
จากนั้นก็ขับรถเข้ามาในตัวเมือง ขับผ่านวิวสวยๆ ที่บึงพระราม สวนสาธารณะขนาดใหญ่ โปรแกรมต่อไปเดี๋ยวเราจะเข้าไปถ่ายรูปที่ วิหารมงคลบพิตร, วัดพระศรีสรรเพชญ์ และ พระราชวังหลวงกันค่ะ
พระมงคลบพิตร พระพุทธรูปคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่โบราณ ประดิษฐานอยู่ที่ วิหารมงคลบพิตร เป็นพระพูทธรูปโบราณขนาดใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9 เมตร 55 เซนติเมตร ส่วนสูงเฉพาะองค์ 12 เมตร 45 เซนติเมตร มีประชาชนมาสักราระบูชาเป็นจำนวนมาก
และภาพวิหารมงคลบพิตรจากช่างภาพหนุ่มของเราค่ะ ต้องแบกกล้องไปไกลเกือบสุดถนนเลยนะ กว่าจะได้ภาพนี้มา ; P
ใกล้ๆ กันก็คือ วัดพระศรีสรรเพชญ์ เราสามารถใช้บัตรรวมที่ซื้อเมื่อเช้าไปประทับตราผ่านประตูได้เลยนะคะ
ยังมีคนมาเรียงหินอยู่เลย เพราะเค้าเชื่อว่า ยิ่งต่อได้สูงยิ่งประสบความสำเร็จสูง ว่างั้นนะ
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดหลวงในพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา เหมือนกันกับ วัดมหาธาตุ ของกรุงสุโขทัย ที่ N2Travel เคยพาไปเที่ยวมาแล้วนั่นเอง โดยมีพระเจดีย์สามรัชกาล ลักษณะเด่นคือ เป็นเจดีย์โบราณ 3 องค์ เรียงกัน เห็นแล้วนึงถึงความความยิ่งใหญ่ในสมัยก่อนจริงๆ
พระราชวังหลวง หรือ พระราชวังโบราณ อยู่ติดกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใกล้กับวิหารพระมงคลบพิตร สร้างขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) นั่นเอง ขากลับ พวกเราก็เดินลัดเลาะกลับทางเดิม ผ่านด้านข้างวิหารมงคลบพิตร จะมีตลาดขายสินค้าต่างๆ มากมาย มีร้านขายโรตีสายไหมชื่อดังอยู่หลายร้านด้วยนะคะ
หากมีเวลาก็สามารถแวะเที่ยววังช้างอยุธยา แล เพนียด ชมความน่ารักของช้างกับการแสดงความสามารถต่างๆ หรือจะลองนั่งช้างชมเมืองก็ได้
เสร็จจากนี้เราไป Check in โรงแรมของทริปนี้กันค่ะ หลังจากติดใจเครือวรบุรีที่ภูเก็ตเมื่อคราวก่อน พวกเราจึงเลือกพักที่โรงแรมวรบุรี อโยธยา คอนเวนชั่น รีสอร์ท (Woraburi Ayothaya Convention Resort) เป็นห้อง Superior แต่แอบผิดหวัง คุณภาพที่นี่ด้อยกว่าที่ภูเก็ตเยอะเลย ลองมองหาตัวเลือกอื่นได้นะคะ เพราะใกล้ๆ กันก็มีโรงแรมอยู่ 3 - 4 ที่เลยทีเดียว ติดริมแม่น้ำป่าสักเหมือนกัน
โรงแรมอยู่ติดริมแม่น้ำป่าสัก |
ช่วงค่ำๆ เห็นคนล่องเรือชมบรรยากาศริมแม่น้ำ ดูโรแมนติกมาก ถ้ามีโอกาสอยากจะลองล่องเรือทานอาหารเย็นแบบนี้กะเค้าบ้าง อิอิ... สรุปว่าอาหารเย็นมื้อนี้รสชาติผ่านนะคะ อร่อยใช้ได้เลย บางเมนูราคาอาจจะสูงไปนิด แต่ก็พอรับได้ อาหารมาเสิร์ฟไว พนักงานก็เรียกไม่ยาก เสียอย่างเดียวคือทางเข้าที่ขับรถเข้ามาแคบไปหน่อย จนอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนกลางคืนรถจะสวนทางกันยังไงน๊า?
สามารถดาวโหลดแผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ
--------------------------------
บรรยากาศอาหารเช้าที่โรงแรม มีอาหารให้เลือกเยอะค่ะ แต่ไม่ค่อยอร่อย อ้อ!! ลืมบอกไปว่าที่วรบุรีอโยธยาเค้ามีบริการใส่บาตรพระตอนเช้าด้วยนะ แขกที่เข้าพักสามารถแจ้งพนักงานไว้ได้เลย เค้าจะจัดเตรียมของใส่บาตรไว้ให้ ราคาชุดละ 50 บาทจ้าาา
หลังจาก Check out เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อตั้งใจว่าจะไปเดินเที่ยวซื้อของ พร้อมทานอาหารกลางวันที่ ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดอยุธยา มีที่จอดรถฟรี หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาลุ้นว่าที่จอดรถฟรีจะมีว่างหรือเปล่า ก็ใช้บริการที่จอดของชาวบ้านได้นะคะ คันละ 30 บาท ตลาดน้ำเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่มจากนั้นเราก็เดินทางไปเที่ยว วัดใหญ่ชัยมงคล กันต่อค่ะ หน้าวัดจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือวัดใหญ่ 'วัดใหญ่ไก่ฉีก' อยู่นะ เห็นหลายคน reviews ว่าอร่อย แต่พอมองเห็นผู้คนที่นั่งกินอย่างเบียดเสียดแล้ว แลดูลำบากยังไงไม่รู้ ขอเปลี่ยนไปชิมก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตกข้างในวัดใหญ่แทนดีกว่าค่ะ อร่อยเหมือนกัน ไม่ต้องรอคิวนานด้วย
วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อวัดป่าแก้ว หรือวัดเจ้าพระยาไท ข้อมูลตามประวัติศาสตร์บอกไว้ว่า วัดนี้ถูกสร้างเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงทำศึกยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชแห่งพม่า จึงทรงสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ
ปัจจุบันมีการสร้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีผู้นิยมไปนมัสการอย่างสม่ำเสมอเป็นจำนวนมาก
พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช |
ภายในวัดใหญ่ก็มีโบราณสถานสำคัญที่สวยงามอยู่เยอะค่ะ แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากๆ ก็จะมีพระเจดีย์ชัยมงคล, พระอุโบสถ, พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ และตำหนักสมเด็จพระนเรศวร ตามที่เราแนะนำไป
พระพุทธรูป เจ้าแก้ว และ เจ้าไท เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของพระเจดีย์ชัยมงคล และหากมีเวลาก็จัดทริปไปไหว้พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร กันได้นะ อยู่ไม่ไกลจากวัดใหญ่ฯ ค่ะ
ปิดท้ายทริปนี้ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ที่ วัดมหาธาตุ ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท แต่เรามีบัตรรวมที่ซื้อไว้เมื่อวานก็เอาไปปั๊มแล้วก็ผ่านประตุได้เลย (บัตรใช้ได้ภายใน 30 ถ้าทริปนี้เที่ยวไม่ครบก็กลับมาเที่ยวใหม่ได้นะคะ ฮ่าๆๆ)
วัดมหาธาตุ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เพราะมีเศียรพระที่โอบล้อมด้วยต้นโพธิ์อยู่ด้วย และยูเนสโก้ (UNESCO) ได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลก ด้านธรรมชาติ และวัฒนธรรม อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นความมหัศจรรย์ สวยงาม และน่าภาคภูมิใจของคนไทยจริงๆ ค่ะ ^^
ใกล้ๆ กันก็เป็นวัดราชบูรณะ นักท่องเที่ยวแค่ข้ามถนนไปก็ถึงแล้วล่ะค่ะ ส่วนหน้าวัดมหาธาตุจะเป็นแหล่ง shopping เล็กๆ ขายหมวก กระเป๋า และของที่ระลึกต่างๆ มีร้านโรตีรถเข็นอยู่เจ้านึงด้วยนะ ลองชิมแล้วชอบค่ะ หวานอร่อย ♥
ได้เวลาเดินทางกลับบ้านกันแล้ว... เป็นอีกหนึ่งทริปที่พวกเราประทับใจ และสนุกมาก การได้เดินทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แบบนี้ เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากจริงๆ
คำขวัญจังหวัดอยุธยา : ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา
นี่ล่ะค่ะอยุธยาเมืองเก่าของเรา อโยธยาศรีรามเทพนคร ที่ยังคงสวยงามและมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหาอยู่มากมาย รอให้คนรุ่นใหม่ได้มาศึกษา ลองจัดทริปท่องเที่ยวเมืองเก่ากันดูนะคะ รับรองว่าคุณจะได้รู้ได้เห็นอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ♪♫.. ♪♫...
0 comments:
Post a Comment