สิบเอ็ดประตูเมืองงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมสาเกต บุญผะเหวดประเพณี มหาเจดีย์ชัยมงคล งามน่ายลบึงพลาญชัย เขตกว้างไกลทุ่งกุลา โลกลือชาข้าวหอมมะลิ - เป็นคำขวัญของจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออิสานนั่นเอง วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าที่ร้อยเอ็ดมีอะไรน่าสนใจบ้าง
แม้ว่าจังหวัดร้อยเอ็ดจะไม่โดดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยวมากนักเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ อันเป็นผลจากการที่ร้อยเอ็ดไม่ได้เป็นเส้นทางผ่านที่สำคัญในเส้นทางท่องเที่ยว รวมถึงไม่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรือแหล่งโบราณสถานมากนัก แต่อย่าเพิ่งมองข้ามค่ะ แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่ก็มีเสน่ห์อยู่ในตัวเองไม่น้อย หากมีโอกาสขับรถมาเที่ยวถิ่นอิสานลองแวะเที่ยวเมืองร้อยเอ็ดดูสักครั้งนะคะ อย่างในตัวเมืองก็มีวัดสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปไหว้พระขอพร รวมถึงถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอยู่หลายวัดเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น วัดสระทอง ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมือง เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระสังกัจจายน์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ชาวร้อยเอ็ดเคารพสักการะ และยังเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองอีกด้วย , วัดกลางมิ่งเมือง เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างก่อนตั้งเมืองร้อยเอ็ดอีกนะ บริเวณผนังรอบอุโบสถมีลวดลายภาพวาด แสดงถึงพุทธประวัติสวยงามและมีค่าทางศิลปะ และวัดที่ N2Trip ได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวชมก็คือ วัดบูรพาภิราม ซึ่งมีพระพุทธรูปปางประทานพรที่สูงที่สุดในประเทศไทยอยู่ด้วย ซึ่งก็คือ พระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือหลวงพ่อใหญ่ นั่นเอง (GPS: 16.061738,103.658275)
ความสูงขององค์พระ วัดจากพระบาทถึงยอดเกศสูงถึง 59 เมตร 20 เซนติเมตร และมีความสูงทั้งหมด 67 เมตร 85 เซนติเมตร นอกจากนี้หลวงพ่อใหญ่ยังเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด และปรากฏอยู่ในคำขวัญของร้อยเอ็ดด้วย
ภายในวัดมีอะไรให้นักท่องเที่ยวดูหลายอย่างเลยนะคะ รวมทั้งสวนพุทธประวัติ ที่มีเรื่องราวต่างๆ ปางของพระพุทธเจ้า ตลอดถึงเรื่องราวของบุคคล และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า สวยงามและได้ความรู้ด้วย
ส่วนภาพนี้เป็นคูเมือง หรือกำแพงเมือง มีน้ำล้อมรอบ โดยคูเมืองนี้จะอยู่รอบเมืองร้อยเอ็ดเลยค่ะ ยาวมาก จุดนี้เป็นวิวด้านหลังวัดบูรพาภิราม นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาชมวิวได้
จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ข้างในจะมีตู้ปลาขนาดเล็กฝังอยู่ในผนังรอบอาคาร จำนวน 24 ตู้ จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลายชนิด มีทั้งที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือปลาพันธุ์หายาก หลากหลายสายพันธ์ สวยงามมาก ดูแล้วเพลินดีค่ะ (GPS: 16.055789,103.650313)
ที่ชอบสุดๆ คือมีอุโมงค์แก้ว อยู่ตรงกลางสำหรับให้ผู้เข้าชมได้ดูปลาว่ายน้ำอย่างใกล้ชิด และเรายังตื่นเต้นที่ได้เห็นปลากระเบนตัวใหญ่กันแบบใกล้ๆ ด้วย ♥
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ - อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม เด็ก 5 บาท ผู้ใหญ่ 10 บาท และชาวต่างชาติ 30 บาทค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 0 4351 1286
และอีกหนึ่งสถานที่แนะนำ อยู่ติดกับสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำนี่เอง แค่ข้ามถนนไปก็ถึงแล้วค่ะ สถานที่ว่านี้ก็คือ "บึงพลาญชัย" สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางเมืองร้อยเอ็ด ถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีการตกแต่งเป็นสวนไม้ดอกขนาดใหญ่ พันธุ์ต่างๆ ร่มรื่นและอากาศดีมาก มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ไม่ว่าจะเป็นให้อาหารนก อาหารปลา พายเรือ หรือจะมาออกกำลังกายก็ได้นะคะ และยังเป็นสถานที่สำคัญจัดงานเทศกาลของจังหวัดอีกด้วย จากมุมนี้เราสามารถมองเห็นพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่ ที่อยู่กลางบึงฯ ได้ด้วย
มาเยือนถิ่นอีสานแล้วอาหารที่ห้ามพลาดก็คือ ส้มตำ ยิ่งเผ็ดยิ่งจัดจ้าน และที่หน้าบึงพลาญชัยก็มีร้านส้มตำอยู่เจ้านึง อร่อยมาก! ไปร้อยเอ็ดทีไรต้องกินร้านนี้ประจำ เป็นร้านเล็กๆ ค่ะ มีอยู่ 2 - 3 โต๊ะเท่านั้น แต่ฝีมือป้าระดับเทพ พิกัดอยู่ฝั่งทางเข้าถนนหายโศรก (GPS: 16.060086,103.651298) หากสนใจต้องรีบไปกินหน่อยนะ เพราะป้าจะเปิดถึงแค่ช่วงบ่ายๆ เท่านั้น ไปช้าของหมด อดค่ะ
อร่อยยกนิ้ว กินคู่ขนมจีนแซ่บสุดๆ!! |
ถ้ายังไม่สะใจ หรือไม่ทันร้านป้าส้มตำ เรามีแผนสำรองให้ ลองเดินตามแนวรอบบึงมาเรื่อยๆ ก่อนถึงวิทยาลัยอาชีวศึกษาร้อยเอ็ด จะมีซอยขายก๋วยเตี่ยวเรือ 20 บาทอยู่ด้วย อร่อย+ปริมาณเยอะเกินราคา เสร็จแล้วเราก็กลับเข้ามาเดินเล่นในบึงพลาญชัยกันอีกครั้ง ดูผู้คนท้องถิ่นที่เริ่มมาออกกำลังกาย และเล่นกีฬากันอย่างสนุกสนาน ทั้งวิ่งรอบบึง เตะฟุตบอล บาสเกตบอล และแอโรบิก ฯลฯ
ขึ้นมาที่เกาะกลางบึงฯ เราจะเจอกับ พานรัฐธรรมนูญ ฐานเป็นหกเหลี่ยม แต่ละด้านมีอักษรติดข้อความว่า เอกราช ปลอดภัย เศรษฐกิจ เสมอภาค เสรีภาพ การศึกษา ส่วนด้านหลังเป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองร้อยเอ็ด
เจ้าพ่อหลักเมืองร้อยเอ็ด ในการบูชาต้องจุดธูป 9 ดอกนะคะ ใกล้ๆ กันก็มีศาลากลางบึงให้ได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจอยู่ด้วย ลมพัดเย็นมากๆ
บรรยากาศตอนเย็นๆ ที่ร้อยเอ็ดก็โรแมนติกไม่แพ้ใครนะ พวกเรานั่งเล่นรอชมพระอาทิตย์ตกค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างคืน ในเมืองร้อยเอ็ดก็มีโรงแรมให้เลือกใช้บริการหลายที่นะคะ เห็นฝรั่งชอบบ่นกันบ่อยๆ ว่าหาโรงแรมยาก ซึ่งในความจริงไม่ยากเลย ในเมืองมีโรงแรมให้เลือกกว่า 20 ที่ ตั้งแต่โรงแรมเล็กๆ ราคาถูก ไปจนถึงโรงแรมหรูระดับ 4 ดาวกันเลย เช่น โรงแรมร้อยเอ็ดธานี, โรงแรมร้อยเอ็ดซิตี้, โรงแรมไหมไทย, โรงแรมสาเกตนคร ฯลฯ และอีกเยอะ! รอบๆ บึงพลาญชัยก็มีอยู่หลายโรงแรมเหมือนกัน หลังจบกิจกรรมวันนี้แล้ว พวกเราขอพักสักหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันต่อค่ะ
อย่างที่บอกว่าไปเที่ยวไหน พยายามไปเดินตลาดของที่นั่นให้ได้ ไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านผ่านตลาดนี่แหล่ะ พวกเราไปเดินตลาดโต้รุ่งกัน เป็นตลาดใหญ่ มีของให้เลือกซื้อเยอะมาก ทั้งของกินสำเร็จรูป เสื้อผ้า รองเท้า ที่นี่มีครบ เปิดตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเช้าเลยทีเดียว แต่ต้องรีบไปนะ เดี๋ยวสายๆ ตลาดวายหมด
หากสนใจของสดต่างๆ อยากพวกเนื้อสัตว์ ผักสด เครื่องปรุง เส้นก๋วยเตี๋ยว ที่อยากซื้อไปประกอบอาหารเอง ก็แวะที่ตลาดหายโศรกได้ อย่าลืมซื้อขนมจีนสดใหม่ที่ตลาดนี้ด้วยนะ เส้นเหนียมนุ่มอร่อยค่ะ
เช้านี้เราจะไปกันที่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของจังหวัดร้อยเอ็ด นั่นก็คือ วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า ผาน้ำย้อย นั่นเอง อยู่ในเขตอำเภอหนองพอก ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ดไปประมาณ 85 กิโลเมตร จากนั้นก็ขับรถต่อไปอีก เพราะตัววัดอยู่ห่างจาก อ.หนองพอก 13 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างไกล แต่พวกเราลองขับรถไปแล้วใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รวมไป-กลับก็ 2 ชั่วโมงค่ะ ถนนดีขับรถง่ายเลยล่ะ คิดว่าขับรถเที่ยวชมธรรมชาติและท้องทุ่ง อิอิ...
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีที่จอดรถกว้างขวาง มีร้านขายของที่ระลึก รวมถึงอาหารอยู่กลายร้านค่ะ ระหว่างทางเดินขึ้นไป ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง ลมพัดเย็นๆ น่านอนจัง ^^
ขับรถมาไกล แต่มาถึงแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ เป็นวัดที่สวยงามสมคำล่ำลือ แม้จะยังก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ทุกส่วน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพรที่วัดเป็นจำนวนมาก ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดยาว ผู้คนจะมาเที่ยวกันหนาตาเลยค่ะ Highlight ของที่นี่อยู่ที่ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ซึ่งมีความสูง 7 ชั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมได้ 5 ชั้น แต่ละชั้นก็จะตกแต่งต่างกันออกไป ตัวเจดีย์เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายประณีตสวยงามใช้สีเหลืองทองอร่าม และรายล้อมด้วยเจดีย์เล็กอีก 8 ทิศ ส่วนปลายยอดฉัตรที่เราเห็นเป็นสีทองนั้น ใช้ทองคำหนักถึง 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม!
พระมหาเจดีย์ชัยมงคลเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2528 มีเนื้อที่ 2,500 ไร่ โดยมีพระเทพวิสุทธิมงคล หรือหลวงปู่ศรี มหาวีโร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมด้านการบำเพ็ญปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐานแก่พระภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชน และเป็นพระเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร โดยใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ผสมผสานกันระหว่างศิลปะจากพระปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.
ถ้ามองจากในศาลาก็จะเห็นวิวแบบนี้...
บรรยากาศตอนเย็นๆ ที่ร้อยเอ็ดก็โรแมนติกไม่แพ้ใครนะ พวกเรานั่งเล่นรอชมพระอาทิตย์ตกค่ะ
โหวด สัญลักษณ์ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด |
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างคืน ในเมืองร้อยเอ็ดก็มีโรงแรมให้เลือกใช้บริการหลายที่นะคะ เห็นฝรั่งชอบบ่นกันบ่อยๆ ว่าหาโรงแรมยาก ซึ่งในความจริงไม่ยากเลย ในเมืองมีโรงแรมให้เลือกกว่า 20 ที่ ตั้งแต่โรงแรมเล็กๆ ราคาถูก ไปจนถึงโรงแรมหรูระดับ 4 ดาวกันเลย เช่น โรงแรมร้อยเอ็ดธานี, โรงแรมร้อยเอ็ดซิตี้, โรงแรมไหมไทย, โรงแรมสาเกตนคร ฯลฯ และอีกเยอะ! รอบๆ บึงพลาญชัยก็มีอยู่หลายโรงแรมเหมือนกัน หลังจบกิจกรรมวันนี้แล้ว พวกเราขอพักสักหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันต่อค่ะ
-------------------------
อย่างที่บอกว่าไปเที่ยวไหน พยายามไปเดินตลาดของที่นั่นให้ได้ ไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านผ่านตลาดนี่แหล่ะ พวกเราไปเดินตลาดโต้รุ่งกัน เป็นตลาดใหญ่ มีของให้เลือกซื้อเยอะมาก ทั้งของกินสำเร็จรูป เสื้อผ้า รองเท้า ที่นี่มีครบ เปิดตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเช้าเลยทีเดียว แต่ต้องรีบไปนะ เดี๋ยวสายๆ ตลาดวายหมด
หากสนใจของสดต่างๆ อยากพวกเนื้อสัตว์ ผักสด เครื่องปรุง เส้นก๋วยเตี๋ยว ที่อยากซื้อไปประกอบอาหารเอง ก็แวะที่ตลาดหายโศรกได้ อย่าลืมซื้อขนมจีนสดใหม่ที่ตลาดนี้ด้วยนะ เส้นเหนียมนุ่มอร่อยค่ะ
ข้าวปุ้นแม่จิตต์ Tel.0857433524 |
เช้านี้เราจะไปกันที่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากของจังหวัดร้อยเอ็ด นั่นก็คือ วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า ผาน้ำย้อย นั่นเอง อยู่ในเขตอำเภอหนองพอก ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ดไปประมาณ 85 กิโลเมตร จากนั้นก็ขับรถต่อไปอีก เพราะตัววัดอยู่ห่างจาก อ.หนองพอก 13 กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างไกล แต่พวกเราลองขับรถไปแล้วใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รวมไป-กลับก็ 2 ชั่วโมงค่ะ ถนนดีขับรถง่ายเลยล่ะ คิดว่าขับรถเที่ยวชมธรรมชาติและท้องทุ่ง อิอิ...
ซุ้มประตูโขง |
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้มีที่จอดรถกว้างขวาง มีร้านขายของที่ระลึก รวมถึงอาหารอยู่กลายร้านค่ะ ระหว่างทางเดินขึ้นไป ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง ลมพัดเย็นๆ น่านอนจัง ^^
ขับรถมาไกล แต่มาถึงแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ เป็นวัดที่สวยงามสมคำล่ำลือ แม้จะยังก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ทุกส่วน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพรที่วัดเป็นจำนวนมาก ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดยาว ผู้คนจะมาเที่ยวกันหนาตาเลยค่ะ Highlight ของที่นี่อยู่ที่ พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ซึ่งมีความสูง 7 ชั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมได้ 5 ชั้น แต่ละชั้นก็จะตกแต่งต่างกันออกไป ตัวเจดีย์เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายประณีตสวยงามใช้สีเหลืองทองอร่าม และรายล้อมด้วยเจดีย์เล็กอีก 8 ทิศ ส่วนปลายยอดฉัตรที่เราเห็นเป็นสีทองนั้น ใช้ทองคำหนักถึง 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม!
ซุ้มประตูระเบียงคด |
ด้านหน้าจะมีสระบัวเล็กๆ |
พระมหาเจดีย์ชัยมงคลเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2528 มีเนื้อที่ 2,500 ไร่ โดยมีพระเทพวิสุทธิมงคล หรือหลวงปู่ศรี มหาวีโร ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐานเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมด้านการบำเพ็ญปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐานแก่พระภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชน และเป็นพระเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่งของประเทศไทย ออกแบบโดยกรมศิลปากร โดยใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน ผสมผสานกันระหว่างศิลปะจากพระปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.
ในแต่ละชั้นพวกเราก็แวะพักเหนื่อยด้วยการออกมาชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามรอบเจดีย์
เมื่อเดินมาถึงชั้น 5 ก็จะเจอกับบันไดเวียน 119 ชั้น เพื่อขึ้นไปข้างบน ซึ่งเป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หากได้ขึ้นมาบูชากราบไหว้จะเป็นสิริมงคลมากค่ะ ส่วนของแถมที่ได้อีกอย่างก็คือสุขภาพที่แข็งแรงนั่นเอง เพราะต้องเดินขึ้นบันไดหลายชั้นเหมือนกันนะ บางคนก็ถอดใจไม่ยอมเดินขึ้น เพราะเหนื่อย แต่พวกเรามาแล้วถึงไหนถึงกันค่ะ ฮึ่บ!
คำแนะนำในการเที่ยวชมผาน้ำย้อย มีดังนี้
แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย (หากใส่ขาสั้นมาทางวัดก็มีผ้าถุงและกางเกงให้ยืม)
ถอดรองเท้าวางไว้ที่ชั้นเก็บด้านนอก และไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น
(พิกัด GPS : 16.332382,104.320473)
ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายที่ในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ N2Travel ยังไม่ได้ไปสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งมีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึงสองล้านกว่าไร่, บึงเกลือ, ปรางค์กู่, กู่กาสิงห์, กู่พระโกนา รวมไปถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ ซึ่งเป็นเทือกเขาสูง และยังเป็นจุดชมวิวผาหมอกวิวายด้วยนะคะ อยู่ห่างจากผาน้ำย้อยไปประมาณ 9 กิโลเมตร มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมากางเต็นท์เพื่อรอดูทะเลหมอกที่นี่เยอะเหมือนกัน จุดด้อยของร้อยเอ็ดมีเรื่องเดียวคือ ระบบการเดินทางสาธารณะที่มีอยู่น้อยมาก ในตัวเมืองจะมีรถสองแถว และรถสามล้อเครื่องเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ครอบคลุม และไม่คุ้มหากจะเดินทางไกลๆ ถ้ามาเที่ยวเราแนะนำให้ขับรถมาเอง หรือเช่ารถขับดีกว่านะคะ :-)
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 512 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวได้หลายวิธี ทั้งรถยนต์, รถไฟ (ลงขอนแก่น), เครื่องบิน และรถโดยสารสายกรุงเทพฯ-ร้อยเอ็ด หากนั่งรถโดยสารจะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ค่อนข้างไกลแต่ก็คุ้มที่จะได้ไปสัมผัสแหล่งอารยธรรมโบราณลุ่มแม่น้ำชี ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากในยุคประวัติศาสตร์ มีความหลากหลายในแง่ของศาสนา ที่สำคัญร้อยเอ็ดยังเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิชั้นดีมีชื่อเสียงโด่งดังมาก นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลและประเพณีที่น่าสนใจหลายอย่าง งานประจำปีอันโดดเด่นที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด คือ งานประเพณีกินข้าวปุ้นบุญผะเหวด, งานประเพณีการแข่งเรือ, งานประเพณีแห่เทียนพรรษา และงานประเพณีบุญบั้งไฟนั่นเอง ลองแวะมาเที่ยวดูสักครั้ง แล้วจะรู้ว่าร้อยเอ็ดมีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิดหลายเด้อ ♪♫.. ♪♫...
0 comments:
Post a Comment