Chiangmai / เชียงใหม่


เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคเหนือที่โด่งดังมาก แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเที่ยว เพราะที่นี่มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่สวยงาม อากาศที่เย็นสบาย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแบบไทยล้านนา และศิลปะ Hip Chic Cool วันนี้ N2Trip จะพาเที่ยวเชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน แบบง่ายๆ กันค่ะ...


มาเชียงใหม่รอบนี้พวกเราเลือกพักแถวประตูท่าแพ แถวนี้มีที่พักให้เลือกเยอะมาก แล้วก็มีรถแดงวิ่งผ่านเยอะด้วยเหมือนกัน เพราะอยู่กลางเมือง สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรามาเชียงใหม่ทั้งที ต้องลองใช้บริการรถแดงค่ะ เรียกว่าเป็นสองแถวประจำเมืองเชียงใหม่ก็ว่าได้ วิ่งกันทั่วเมือง มีทั้งแบบวิ่งวนตามเส้นทาง และแบบเหมาค่ะ ในอดีตบริเวณประตูท่าแพเคยเป็นย่านการค้ามาก่อน ปัจจุบันได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการจัดงานกิจกรรมและงานประเพณีต่างๆ ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ และยังอยู่ใกล้ตลาดถนนคนเดินด้วย พักแถวนี้สะดวกหลายอย่าง


มาเริ่มทริปกันเลย เดี๋ยวจะพาพาขึ้นไปเที่ยวบนดอยกันค่ะ จากประตูท่าแพ ต้องนั่งรถแดงไปลงที่หน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ก่อน แล้วค่อยต่อรถจากหน้าสวนสัตว์ขึ้นดอยสุเทพอีกที ค่ารถไป-กลับ ประมาณ 180 - 250 บาท / คน (ลองสอบถามคนขับดูอีกทีนะ) ไม่มีเวลาแน่นอนนะคะคือคนเต็มก็ออก รถวิ่งตั้งแต่เช้า รถแดงจะพาเราเที่ยว 3 จุดด้วยกันคือ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์, บ้านม้งดอยปุย และ พระธาตุดอยสุเทพ โดยจะให้เวลาเที่ยวแต่ละสถานที่ประมาณ 1 ชั่วโมง  คนขับจะลงมาแจ้งเวลาให้ทราบทุกครั้ง ว่าให้เวลาตรงนี้เท่าไหร่ นัดขึ้นรถกี่โมง ฯลฯ ระยะทางจากหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ จนถึงพระตำหนักภูพิงคฯ เป็นระยะทาง  17  กิโลเมตร เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว มีช่วงหวาดเสียวบ้างแต่ก็สนุกดีนะ ^O^

นั่งรถสักพักก็มาถึงแล้วค่ะ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ มีพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.30 - 16.30 น. แต่จะงดเข้าเยี่ยมชมในช่วงที่มีเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับแรม  (ซึ่งจะมีประกาศแจ้งให้ทราบล่วงหน้า) ค่าเข้าชม สำหรับคนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท เวลาจำหน่ายบัตร 08.30 – 11.30 น. และ 13.00 - 15.30 น. สำหรับผู้ที่ใส่กระโปรง หรือกางเกงขาสั้นมา ด้านหน้าพระตำหนักก็มีบริการเช่าผ้า ให้สวมทับได้เลยค่ะ โดยอัตราค่าบริการ ดังนี้

เสื้อ      (Shirt)    20 บาท/Baht
ผ้าถุง    (Skirt)    20 บาท/Baht
กางเกง (Pants)   10 บาท/Baht

อย่าลืมว่าต้องแต่งตัวให้เหมาะสมนะคะ คือห้ามสวมกางเกงขาสั้น, เสื้อกล้าม และเสื้อแขนกุดนั่นเอง
โซนแรกที่พวกเราชอบมากๆ ก็คือสวนไม้ดอกเมืองหนาว มีดอกไม้สวยๆ ให้ดูเพียบเลย




มากันที่สวนกุหลาบ โซนนี้ได้กลิ่นกุหลาบหอมมากค่ะ ยิ่งถ้ามาเที่ยวช่วงหน้าหนาว ก็จะมีโอกาสเห็นกุหลาบสวยๆ หลากหลายสี หลากหลายสายพันธุ์ด้วยนะ

ด้านในพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์สวยงามจริงๆ มีต้นไม้ ดอกไม้สวยๆ เยอะเลย อากาศก็เย็นสบาย ถ้าเหนื่อยก็สามารถใช้บริการรถกอล์ฟได้ ค่าบริการ 300 บาท/คัน (นั่งได้ไม่เกิน 3 ท่าน) ที่นี่มีสวนเฟินด้วยนะ ตามภาพด้านล่างนี้เลย



จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ โดยระยะทางจากพระตำหนักภูพิงคฯ จนถึงดอยปุย / ดอยสุเทพ ประมาณ 4  กิโลเมตร แวะเที่ยวที่บ้านม้งดอยปุย เป็นหมู่บ้านที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ และสวยงาม ตามทางเดินจะมีสินค้าจากชาวบ้านมาวางขายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกันหลายร้าน ทั้งสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก และใบชาหอมๆ เดี๋ยวเราเข้าไปเที่ยวในสวนน้ำตกดอยปุยกันนะคะ

ราคาสินค้าข้างบนนี้ถือว่าไม่โหดมากนะ มีสินค้าดีๆ เยอะแยะ หากจะซื้อพวกของน่ารักๆ ไปเป็นของฝาก ก็เลือกเดินดูที่นี่ได้ เป็นการอุดหนุนชาวบ้านด้วยค่ะ









มีบริการให้เช่าชุดใส่ถ่ายรูปด้วยนะ ได้อารมณ์แบบชาวดอย ชอบชุดแบบนี้จัง


จากนั้นก็ไปต่อกันที่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร โดยวัดตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากของจังหวัดเชียงใหม่ ใครมาเชียงใหม่ต้องมากราบไหว้สักการะพระธาตุดอยสุเทพ เพราะเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ ว่ากันว่าใครมาเชียงใหม่แล้วไม่ได้มาที่นี่ ก็เหมือนมาไม่ถึง เดี๋ยวเราจะขึ้นบันไดนาคไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุข้างบนค่ะ เดินกันเหนื่อยแน่งานนี้

 
ระหว่างทางจะมีน้องๆชาวเขาตัวเล็กน่ารัก รอยืนถ่ายรูปกับท่องเที่ยวด้วย แลกกับค่าขนมนิดหน่อยค่ะ



ในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึงข้างบนได้สำเร็จ! ผู้คนเยอะแยะเลยเชียว ไหว้พระเสร็จแล้วก็เดินชมรอบๆ กันหน่อยนะคะ บริเวณรอบองค์เจดีย์มีจุดชมวิวด้วย มองเห็นเมืองเชียงใหม่ชัดเจนแบบทั่วเมืองเลยล่ะ วิวสวยจริงๆ มีนักท่องเที่ยวคนนึงเคยพูดไว้ว่า "Come here if you wanna see Chiang Mai city" ถ้ามาเที่ยวตอนกลางคืนอาจจะได้เห็นบรรยากาศเชียงใหม่แบบโรแมนติก เพราะทั่วทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยไฟสีเหลืองทอง สวยงามไม่แพ้ตอนกลางวันแน่นอนค่ะ เหมือนคำขวัญจังหวัดเชียงใหม่ที่ว่า "ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผาชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์"

จุดชมวิวดอยสุเทพ


ได้เวลาที่นัดกับรถแดงไว้แล้ว เดี๋ยวเรานั่งรถลงดอยสุเทพ แล้วไปเดินเที่ยวถนนคนเดินกันต่อค่ะ สำหรับถนนคนเดินเชียงใหม่ หรือ Chiangmai walking street เราจะแนะนำ 2 ที่นะคะ สำหรับคนที่จัดทริปตรงกับคืนวันเสาร์ก็เดินที่ ถนนคนเดินวัวลาย อยู่ที่ถนนวัวลาย ใกล้กับประตูเมืองเชียงใหม่ เปิดเฉพาะวันเสาร์นะ ตั้งแต่ 17.00 - 22.00 น.

และอีกที่คือ ถนนคนเดินท่าแพ อยู่บริเวณประตูเมืองท่าแพเลยค่ะ ตลาดจะมียาวไปถึงถนนราชดำเนิน เลยนะ เป็นถนนคนเดินที่ดังและใหญ่ที่สุด เปิดเฉพาะวันอาทิตย์ เวลาประมาณ 17.00 - 22.00 น.

ที่ถนนคนเดิน มีสินค้าให้เลือกซื้อเยอะค่ะ ทั้งสินค้าพื้นเมือง เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของที่ระลึก กระเป๋า ผ้าพันคอ โคมไฟ ตุ๊กตา งาน Handmade ต่างๆ ฯลฯ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อีกทั้งยังมีวงดนตรีคนตาบอด ที่เจ๋งมากๆ อยู่ด้วย

วงดนตรีคนตาบอด
ผู้คนที่มาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงหน้าหนาวจะเยอะเป็นพิเศษ อาจจะเดินเบียดๆ กันหน่อย แต่ก็เป็นสีสันให้ถนนคนเดินแห่งนี้ครึกครื้นดีค่ะ เที่ยวแบบคนเยอะๆ ก็สนุกดีนะ ^^

หลังจากเดิน Shopping กันจุใจแล้ว ก็ได้เวลามื้อเย็นสักที ที่นี่เค้ามีของกินให้เลือกเยอะ เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว, สะเต๊ะ, ไส้อั่ว, ข้าวซอย เป็นเมนูที่ห้ามพลาดทั้งนั้น รวมถึงของทานเล่น ขนมปัง โรตี ฯลฯ มีครบ! เดี๋ยวเราจะแวะทานข้าวเย็นแถวนี้แหล่ะ ค่อยกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม แล้วพรุ่งนี้เที่ยวกันต่อ Zzzz....
.............................

ตื่นแต่เช้าไปที่ตลาดวโรรส เค้าว่าไปเที่ยวที่ไหน ถ้าอยากสัมผัสวิถีชีวิตของคนพื้นที่จริงๆ ให้ไปเดินตลาดค่ะ เป็นตลาดที่อยู่ริมแม่น้ำปิง ช่วงเช้าอากาศดีมาก อย่าลืมมานั่งชิลชมวิวแม่น้ำปิงกันนะ นั่งจิบกาแฟ กินปาท่องโก๋ ดูคนวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าก็เพลินดีเหมือนกัน



ตลาดวโรรส หรือ กาดหลวง เป็นแหล่งรวมสินค้าต่างๆ นักท่องเที่ยวมักจะมาหาซื้อของฝากกันที่นี่ โดยเฉพาะสินค้าอาหารพื้นเมืองอย่างไส้อั่ว, แหนม, น้ำพริกหนุ่ม และแคบหมู ซื้อมาลองชิมแล้วอร่อยค่ะ ตลาดวโรรสนี้เค้าเปิดกันทั้งกลางวันและกลางคืนเลยนะ มาตอนไหนก็ได้ซื้อแน่นอน

หลังจากทำธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเราจะไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่กัน แต่ก่อนอื่นขอแวะไปนมัสการพระครูบาศรีวิชัยก่อนนะคะ อยู่ตรงทางขึ้นดอยสุเทพนี่เองไม่ไกลจากสวนสัตว์




ครูบาศรีวิชัย เป็นพระมหาเถระ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สร้างถนนทางขึ้นพระบรมธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2477 มีผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมานมัสการเป็นจำนวนมาก

เดี๋ยวเราเดินลงไปที่สวนสัตว์เชียงใหม่กันได้เลย ค่าบัตรผ่านประตูรายละเอียดดังนี้ค่ะ
บัตรผู้ใหญ่ (ชาวไทย) ๗๐ บาท
เด็กสูงไม่เกิน ๑๓๕ เซนติเมตร ๒๐ บาท
นิสิตนักศึกษา (ในเครื่องแบบ) ๓๐ บาท

ชาวต่างชาติ Adult  100 Baht
ชาวต่างชาติ Child (Under 135 cm.)  50 Baht

ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) คนพิการ พระภิกษุ สามเณร ชมสวนสัตว์เชียงใหม่ฟรี

สวนสัตว์เชียงใหม่เปิดให้บริการเวลา 8:00 - 18:00 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

หากจะใช้บริการรถราง หรือ รถไฟฟ้ารางเดี่ยว ภายในสวนสัตว์ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ หรือจะซื้อแบบบัตรรวมก็ได้นะ เป็นบัตรเข้าชมศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ "เชียงใหม่ ซู อควาเรียม" เป็นโลกใต้น้ำ ข้างในจะมีกิจกรรมดำน้ำ และสำรวจโลกใต้ทะเลด้วย ซึ่งจะรวมบัตรผ่านประตูหน้าสวนสัตว์และรถบริการเข้าชมในราคาคนไทย คนละ 290 บาท



สำหรับบัตรเข้าชมหมีแพนด้านั้นต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 50 บาทนะ  ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ภายในสวนสัตว์ เช่น เชียงใหม่ซูสโนวโดม-เป็นเมืองหิมะจำลอง หรือ แอดเวนเจอร์พาร์ค ก็ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแยกต่างหากทั้งนั้นนะคะ  O_o   ถ้าใครเอารถมาก็ต้องจ่ายค่าที่จอดรถด้วยน๊าา.....
รถยนต์                                50 บาท
รถจักรยานยนต์                     10 บาท
รถจักรยาน                            1 บาท (จริงๆ จักรยานก็น่าให้เค้าจอดฟรีไปเลยเนอะ)









นอกจากได้เห็นความน่ารักของสัตว์ต่างๆ แล้ว ภายในสวนสัตว์ยังมีร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารไว้คอยบริการด้วยนะคะ แล้วก็มีเก้าอี้ให้นั่งพักเป็นจุดๆ เพราะสวนสัตว์เชียงใหม่พื้นที่กว้างขวางมาก เดินกันเหนื่อยเลยค่ะ

ส่วนน้องหมาเจ้าถิ่นตัวนี้ไม่เกี่ยวนะคะ เราเจอกันหน้าสวนสัตว์ค่ะ Ha Ha...
มาเมืองเชียงใหม่ทั้งที ต้องไม่ลืมเที่ยววัดเก่าบริเวณคูเมืองกันด้วยนะคะ เห็นเค้าว่ามีประมาณ 10 กว่าวัดเลยนะ โดยวัดที่อยู่บริเวณคูเมืองนี้ ได้แก่ วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง วัดพันเตา วัดปราสาท วัดเชียงมั่น เป็นต้น หรือจะแวะไปถ่ายรูปที่ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แล้วก็ไปเรียนรู้ประวัติเมืองเชียงใหม่ที่ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ก็ได้นะคะ จะเหมารถแดง จะปั่นจักรยาน หรือจะนั่งสามล้อเที่ยวก็ได้ทั้งนั้น





 

ทริปนี้เราปิดท้ายกันที่ถนนที่ Hot Hip ที่สุดในเชียงใหม่ วัยรุ่นอย่างพวกเราต้องมาที่นี่เลย ถนนนิมมานเหมินทร์ เพราะเป็นแหล่งของคนอินเทรนด์อย่างแท้จริง ทั้งเสื้อผ้า ของแต่งบ้าน สินค้าไอเดียเจ๋งๆ รวมถึงร้านอาหารชื่อดังของเหล่าศิลปินดารา อย่างร้านไอเบอรี่ ของคุณโน้ส อุดม และที่นี่ยังมีศิลปิน นักเขียน และงานศิลปะน่าสนใจอยู่มากมาย ย่านนิมมานแห่งนี้ยังมีที่พักราคาถูกให้เลือกอย่างหลากหลาย ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศอาจจะเลือกมาพักแถงนี้ดูบ้างก็ดีนะคะ

ถนนนิมมานเหมินทร์
ร้าน iBerry สาขาเชียงใหม่ของโน้ส อุดม เป็นร้านไอติม Homemade ตั้งอยู่ในซอยนิมมานเหมินท์ 17 เดินเข้ามาเกือบสุดซอยเลยค่ะ เค้กและไอศกรีมอร่อยมาก! ร้านนี้เค้าจะมีน้ำเปล่าให้ตักฟรี ใส่ขันเล็กๆ น่ารักมาก ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 10.30 – 22.00 น.









และอาหารเย็นก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราเลือกร้านคุณหมอคูซีน (Khun Mor Cuisine) หรือ ก๋วยเตี๋ยวเรือคุณหมอ อยู่ในซอยนิมมานเหมินท์ 17 เหมือนกัน (ไม่ต้องเดินไกล อิอิ) ร้านนี้จะอยู่ใกล้ปากซอย 17 หน่อย หาไม่ยากค่ะ อาหารอร่อยด้วย เข้ากับ concept ของร้านที่ว่า "อาหารที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน และรับรองว่าอร่อย"

ร้านคุณหมอคูซีน
ที่ร้านคุณหมอคูซีนเค้าก็มีของฝากให้ซื้อนะคะคือ ไส้อั่วพื้นเมือง เป็นเมนูแนะนำของที่นี่เลย หรือถ้าใครพอมีเวลาอาจจะไปเลือกซื้อของฝากที่ร้านวนัสนันท์ ก็ได้ค่ะ ร้านนี้เค้าดังเรื่องของฝาก เรียกว่ามีทุกสิ่งให้เลือกสรรกันเลยทีเดียว Ha Ha.. เห็นมีหลายสาขาเหมือนกันนะ แต่ถ้าไม่ทันจริงๆ ก็ซื้อที่สาขาสนามบินเชียงใหม่ก็ได้ค่ะ อยู่ชั้น 2 ฝั่งขาออก หรือถ้ากลับรถทัวร์ก็มีร้านตรงอาเขตเชียงใหม่อีก เอาเป็นว่ายังไงก็มีของฝากกลับบ้านแน่นอน

ก่อนจะเหมารถแดงไปสนามบิน (ท่าอากาศยานนานาชาติ เชียงใหม่) เราก็แว้บไปอุดหนุนไส้กรอกคุณยาย นิมมานฯ เชียงใหม่ กันก่อนค่ะ เพราะร้านนี้ไส้กรอกเค้าอร่อยจริง ไม่ได้โม้ คนเยอะจนต้องรับบัตรคิวเลยทีเดียว แต่พวกเราโชคดีตอนไปซื้อคนเริ่มซา ไม่ต้องรอไม่ต้องต่อแถวได้กินเลย อร่อยมั่กมาก!

ไส้กรอกคุณยาย นิมมานฯ

จากนั้นเราก็เตรียมตัวเดินทางกลับบ้านกันค่ะ ทีแรกก็หวั่นใจว่าจะหารถสองแถวแดงไม่ได้ เพราะยืนรอนานเหมือนกัน สุดท้ายก็ผ่านมาหนึ่งคัน เหมาพาพวกเราไปส่งถึงที่ (จำได้ว่าเหมาจากนิมมานฯ ไปสนามบิน พี่คนขับคิดพวกเราถูกมาก ซึ่งราคารถสองแถวแดงในเชียงใหม่เนี่ย มันแล้วแต่ตกลงราคากันจริงๆ นะ เดี๋ยวนี้เห็นว่ามีพวกจ้องขูดรีดจากนักท่องเที่ยวเยอะด้วย ยังไงระวังกันนะ ดูให้ดีๆ ถ้าแพงเกินก็อย่าไปค่ะ แต่บางคนก็ต้องจำยอมเพราะเค้าไม่มีทางเลือก ถ้ามีหน่วยงานเข้ามาดูแลส่วนนี้ก็ดีเลย นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวแบบอุ่นใจ สบายใจ แถมเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เชียงใหม่ด้วย) โชคดีที่ทริปของพวกเรายังไม่เจออะไรแย่ๆ เจอแต่คนขับใจดี แถมยังช่วยแนะนำที่เที่ยวให้อีก ขอบคุณค่า...

คราวหน้าถ้ามีโอกาส เราจะลองไปพิชิตยอดดอยอินทนนท์กันค่ะ เพราะเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของประเทศไทย ที่สำคัญยังไม่เคยได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยกับเค้าเลย ต้องกะเวลาและสอบถามข้อมูลให้ดี ว่าจะบานช่วงไหน เห็นเค้าว่าจะมีในช่วงธันวาคมถึงมกราคมของทุกปี แต่วันที่พวกเราไปดอกไม้ยังไม่บาน เสียดายมาก...

ส่วนอีกที่ที่อยากไปถ่ายรูปมากๆ ก็คือสวนราชพฤกษ์หรืออุทยานหลวงราชพฤกษ์ เป็นสถานที่จัดงานพืชสวนโลก รวบรวมต้นไม้ดอกไม้สวยๆ ไว้มากมาย แล้วไหนจะที่เที่ยวเปิดใหม่อย่าง Art in Paradise เชียงใหม่ อีกทั้ง ร่มบ่อสร้าง, น้ำพุร้อนสันกำแพง, ออบหลวง, ม่อนแจ่ม ฯลฯ โอ๊ย... เยอะ!!!

แต่พวกเราต้องรอให้มีเวลาเที่ยวมากกว่านี้ 2 วัน 1 คืนอาจยังเก็บไม่หมด แต่ทริปนี้ก็ถือว่าคุ้มมากๆ ได้เที่ยว พักผ่อนกันเต็มที่ ได้มาสัมผัสบรรยากาศเมืองเหนือ เชียงใหม่ยังคงสวยงามและมีเสน่ห์อยู่เหมือนเดิม อย่าลืมมาเที่ยวเชียงใหม่กันเยอะๆ นะจ้าวววว ♪♫.. ♪♫...


0 comments: